เมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น ๆ แล้วพบว่าปกติการปลูกสตรอเบอรี่เป็นการลงทุนที่ใช้ระยะเวลาสั้นโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งปีหรือน้อยกว่า ตั้งแต่ต้นมีการตั้งตัวจนกระทั่งเก็บเกี่ยวในปีถัดไปด้วยเหตุผลนี้จึงสามารถกำหนดร่วมกับการปลูกพืชหมุนเวียนอื่น ๆ ได้และมีความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์ของพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ความจำเป็นและความต้องการธาตุอาหาร เพื่อทำให้ผลผลิตสูงขึ้นอยู่กับการจัดการสภาพดินให้ดีที่สุด 3 ประการคือ โครงสร้างของดินที่ดี ความชื้นในดินที่เพียงพอ และธาตุอาหารที่เพียงพอสามารถดูดซึมไปใช้ได้ เงื่อนไขของสภาพดินเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันมาก และส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับปริมาณของอินทรีย์วัตถุหรือฮิวมัสในดิน ปริมาณของอินทรียวัตถุในดินที่มีมากมีผลทำให้โครงสร้างดินดี เพื่อการดูดซับความชื้น และในระหว่างเกิดกระบวนการเน่าสลายจะให้ธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์แก่พืช ดินที่ขาดอินทรีวัตถุควรมีการให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยพืชสดเพิ่มเติม ก่อนมีการปลูกสตรอเบอรี่
ดินที่มีความร่วนซุยถือว่ามีโครงสร้างดิน ซึ่งทำให้เกิดสภาพที่เป็นประโยชน์ เช่น กิจกรรมของเชื้อแบคทีเรียและสารเคมีในดิน ช่วยเหลือการดูดซับน้ำในดิน ตลอดจนระบบรากมีการเจริญและพัฒนาได้ดี ระบบรากที่ขยายได้มากขึ้นนี้จะทำให้ต้นสตรอเบอรี่ได้รับความชื้นและปริมาณอาหารที่มากขึ้นตามไปด้วยปริมาณของความชื้นที่มากพอเหมาะเป็นสิ่งจำเป็นตลอดช่วงของการปลูกและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างช่วงของ การเก็บเกี่ยวหลักจากการย้ายต้นไหลสตรอเบอรี่ลงปลูกแปลงแล้วจำเป็นต้องมีการรดน้ำตลอดช่วงสองสามสัปดาห์แรก เพื่อให้ต้นตั้งตัวและเกิดระบบรากใหม่เร็วขึ้น ต่อจากนั้นอาจพิจารณาให้น้ำประมาณ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์โดยขึ้นอยู่กับสภาพความชื้นของดินในพื้นที่ปลูกและปริมาณฝนที่ตก
การปลูกพืชหมุนเวียน
( rotation )
ในบางพื้นที่อาจมีการปลูกสตรอเบอรี่ในพื้นที่เดิมอย่างต่อเนื่องกันมานานหลาย ๆ ปี การปฏิบัติเช่นนี้ไม่เป็นการดี ถึงแม้พื้นที่เหล่านั้นจะถูกยอมรับว่าเป็นแหล่งผลิตสตรอเบอรี่ก็ตาม ควรต้องมีการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อช่วยรักษาอินทรีย์วัตถุในดินให้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดปัญหาเรื่องวัชพืชแมลง และโรคต่าง ๆ ผลดีของการปลูกพืชหมุนเวียนขึ้นกับการปรับตัวและการได้รับประโยชน์จากพืชที่ใช้ปลูก
โดยทั่วไปควรปลูกพืชเหล่านั้นให้นานเท่ากับระยะเวลาที่ปลูกสตรอเบอรี่ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งหรือสองปีก็ได้ ถ้าหากเป็นพืชที่มีเมล็ดหลังจากช่วงของการเก็บเกี่ยว ควรไถพรวนและทิ้งไว้เป็นเวลานานพอสมควรก่อนที่จะทำการปลูกสตรอเบอรี่ใหม่ พืชคลุมดินหรือพืชอื่นที่มีประโยชน์ เช่น พวกถั่วต่าง ๆ อาจไถกลบในลักษณะของปุ๋ยพืชสด พวกพืชเหล่านี้ไม่ได้ไปเพิ่มอินทรีย์วัตถุทั้งหมดในดิน แต่จะไปเพิ่มปริมาณการย่อยสลายของอินทรียวัตถุให้เร็วขึ้น ซึ่งมีความสำคัญและนับว่าเป็นประโยชน์ต่อพืช นอกจากนี้พืชตระกูลถั่วมีความสามารถเพิ่มปริมาณธาตุไนโตรเจนในดินและยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของปุ๋ยไนโตรเจนอีกด้วย ปัจจุบันต่างประเทศ เช่น แคนาดาได้มีการใช้ปุ๋ยพืชสดพวกถั่วเหลืองก่อนการปลูกสตรอเบอรี่และพบว่าสามารถลดปัญหาโรครากเน่าได้อย่างมาก
ปุ๋ยคอก
( Farm manures )
ปุ๋ยคอก จัดได้ว่าเป็นปุ๋ยทั่วไปที่ดีที่สุดสำหรับการปลูกสตรอเบอรี่ซึ่งมีจำนวนของอินทรีย์วัตถุมากมายในอันที่จะทำให้ดินมีโครงสร้างที่ดีขึ้นและสามารถปลดปล่อยธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืชได้การใส่ปุ๋ยคอกควรใส่ในขณะที่เตรียมดินก่อนการปลูกสตรอเบอรี่และต้องมีการไถพรวนเพื่อกำจัดต้นวัชพืชเล็ก ๆ ที่งอกขึ้นมา ( ซึ่งอาจเป็นเมล็ดที่ติดมาจากปุ๋ยคอกก็ได้ )
นอกจากนี้ยังต้องมีการเก็บชิ้นส่วนของวัชพืชทิ้งให้มากที่สุดในขณะที่ทำการไถพรวนด้วยสำหรับพื้นที่ที่เป็นดินทรายจัดอาจต้องใช้ปุ๋ยคอกในอัตรา 12 ตันต่อไร่ แต่สภาพพื้นที่โดยทั่วไปควรใช้ในอัตรา2-4 ตันต่อไร่ก็เพียงพอแล้ว
การตอบสนองต่อปุ๋ย
( Response to fertilizers )
จากผลงานทดลองและสังเกตต่าง ๆทำให้ชี้ได้ว่าการตอบสนองของสตรอเบอรี่ต่อการให้ปุ๋ยมีการผันแปรอย่างมากมาย ถ้าหากเป็นดินที่มีอินทรียวัตถุมากการให้ปุ๋ยอาจไม่จำเป็นเท่าใดนักแม้ว่าสตรอเบอรี่จะมีความต้องการธาตุอาหารต่าง ๆ มากมายสำหรับการเจริญเติบโตตามปกติและการให้ผลผลิต แต่จำนวนธาตุอาหารเหล่านี้ถูกใช้ในปริมาณน้อย เมื่อเทียบกับปริมาณที่มีอยู่ในดินที่อุดมสมบูรณ์ โดยทั่วไปมีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากว่าธาตุอาหารอื่น ๆ ในดิน ที่ใช้ปลูกสตรอเบอรี่ หากขาดธาตุไนโตรเจนจะทำให้ต้นสตรอเบอรี่เจริญเติบโตช้า ใบเล็ก และมีสีเขียวจาง ถ้าขาดมากขึ้นจะทำให้ใบกลายเป็นสีแดงเข้มได้ อย่างไรก็ดีระบบรากที่โดนทำลาย ความแห้งแล้งและใบที่มีสีแดง เนื่องจากโรคต่าง ๆ สาเหตุเหล่านี้อาจเกิดการสับสนกับการขาดธาตุอาหารได้จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบให้ถูกต้องเพื่อหาทางแก้ไขอย่างรวดเร็ว ขณะที่หากพืชมีการเจริญเติบโตอย่าแข็งแรงและมีสีใบเขียวเข้มตามปกติก็อาจไม่ต้องมีการใส่ธาตุอาหารเพิ่มเติมเกินความจำเป็น
เวลาของการให้ปุ๋ย
( Time of application )
สตรอเบอรี่สามารถตอบสนองต่อปุ๋ยคอกและปุ๋ยวิทยาศาสตร์ที่ใส่ในปริมาณที่เหมาะสมและมีการไถพรวนดินปลูกให้ลึก ปุ๋ยคอกอาจสร้างปัญหาเรื่องเมล็ดวัชพืชที่ติดมาและงอกหลังใส่ลงไปในแปลงปลูก จึงควรใส่ก่อนปลูกสตรอเบอรี่ประมาณ 4-6 เดือนและกำจัดวัชพืชให้หมด
สำหรับปุ๋ยวิทยาศาสตร์นั้นควรใส่ก่อนปลูกหลาย ๆ วัน ในสภาพแปลงปลูกทั่ว ๆ ไปควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจน 4.5-9 กิโลกรัมต่อไร่ หลังจากย้ายปลูกไปแล้ว 4-6 สัปดาห์ และใส่ชาวงกลางฤดูกาลปลูกอีกครั้งหนึ่ง ปุ๋ยสตรอเบอรี่ที่ใช้ส่วนมากเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต การให้ปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสฟอรัสมากในช่วงที่กำลังเก็บเกี่ยวอยู่นั้นอาจทำให้ผลผลิตลดลงได้
การให้ปุ๋ยต้องระวังอย่าให้ตกค้างที่ใบสตรอเบอรี่ เพราะอาจจะทำให้ใบไหม้ได้ ควรมีการให้น้ำทันทีหลังจากการให้ปุ๋ยในแต่ละครั้ง
พบบ่อยครั้งว่าผลผลิตลดลงเนื่องจากการขากน้ำมากกว่าขาดปุ๋ย
คำแนะนำทั่วไป
( General recommendations )
สตรอเบอรี่จะมีการตอบสนองต่อปริมาณที่เหมาะสมของปุ๋ยเคมีที่เป็นการค้าทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นไนโตรเจน นอกจากนี้ยังมี โปรแตสเซียม มังกานีส เหล็ก และโบรอน
จำนวนของปุ๋ยที่ต้องการนี้มีการแปรผันอย่างมากโดยขึ้นกับสภาพของดินและการเตรียมการก่อนปลูก การตัดสินใจสำหรับโปรแกรมการใส่ปุ๋ยอาจต้องคำนึงถึง
1. พื้นฐานของโปรแกรมปุ๋ยที่ใช้กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน ชนิดพืช ที่ได้ปลูกในฤดูการก่อนการให้ปุ๋ยในช่วงที่ผ่านมา และคความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับต้นสตรอเบอรี่
2. ตารางการให้ปุ๋ยควรมีพื้นฐานมาจากตารางการตรวจสอบดิน การให้ปุ๋ย ช่วงที่ผ่านมาและความรู้ของเกษตรกรเกี่ยวกับสภาพพื้นที่อาจมีการส่งดินไปตรวจสอบและปฏิบัติตามคำแนะนำที่จำเป็น
3. โปรแกรมการให้ปุ๋ยโดยทั่วไป ควรมาจากประสบการณ์และคำแนะนำ ของนักวิชาการเกษตร เช่น การให้ปุ๋ยคอก 8 ตันผสมกับปุ๋ย 10-10- 10 ในปริมาณ 90 กิโลกรัมต่อไร่ก่อนที่จะทำการปลูกสตรอเบอรี่การให้ปุ๋ยไนโตรเจน 4.5-9 กิโลกรัมหลังย้ายปลูก 4-6 สัปดาห์และอีกครั้งในช่วงฟดูกาลปลูกโดยจะไม่มีการให้เพิ่มอีก ควรควบคุมให้ดินมีค่าความเป็นกรด-ด่าง ( pH ) ประมาณ 5.5-6.5 ถ้าหากต่ำกว่า 5.0 อาจทำให้ผลผลิตลดลงได้