29 Fri , March 2024

การเตรียมพื้นที่ปลูกผักหวานป่า

1 ปลูกบนพื้นที่ปลูกที่เป็นพื้นที่โลง

ผักหวานป่าเป็นไม้ยืนต้นที่โตช้า ไม่โตเร็วเหมือนไม้ยืนต้นชนิดอื่น ตัวอย่างเช่น ต้นสัก ต้นมะค่า  ดังนั้นต้นผักหวานป่าตามธรรมชาติ จะอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว  โดยพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น  ในป่าตามธรรมชาติ ต้นผักหวานป่าจะไม่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ 100 เปอร์เซ็นต์  จะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ที่ลอดผ่านใบของต้นไม้ใหญ่ที่สูงกว่า ดังนั้นต้นผักหวานป่าจึงไม่ชอบแดดจัดโดยพันธุกรรม จึงชอบแสงแดดประมาณ 70%  แสงลอดผ่านไปได้ 70% อีก 30% จะถูกพรางแสงเอาไว้ ด้วยใบของต้นไม้ใหญ่ ดังนั้นปริมาณแสงและร่มเงาของต้นไม้ชนิดอื่นที่โตกว่า จึงมีมีอิทธิพลต่อความอยู่รอดของต้นผักหวานป่า เพราะนี่คือธรรมชาติของมัน การปลูกผักหวานป่าให้ประสบความสำเร็จ จึงไม่ใช่การฝืนธรรมชาติ แต่เป็นการเข้าใกล้ธรรมชาติ โดยการเลียนแบบตามธรรมชาติ การสังเกตุและเรียนรู้จากต้นผักหวานป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในป่า นำบทเรียนจากการสั่งเกตุและเรียนรู้มาประยุกต์นำมาปรับใช้กับการปลูกผักหวานป่าในเกษตรแปลงใหญ่ ปลูกเป็นไร่ เป็นสวน ในเวลาต่อมา 

ต้นผักหวานป่าไม่อาจโตได้ในสภาพที่มีแดดจัด 100% ตลอดทั้งวัน ถ้าต้องการให้ต้นผักหวานป่าอยู่รอดจะต้องปรับสภาพแวดดล้อมให้เหมาะสม เพราะพื้นที่โล่งไม่มีต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงาพรางแสง ผักหวานป่าก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ สำหรับพื้นที่โล่งแล้วก่อนนำพันธุ์ผักหวานมาปลูกควรมีกการปลูกต้นไม้ที่ให้ร่มเงาที่พอดี คนในวงการผักหวานป่า จะเรียกว่า ต้นไม้พี่เลี้ยง  การเลือกต้นไม้พี่เลี้ยงที่เหมาะสมไม่ได้ช่วยให้ผักหวานป่ารอดตายเพียงเท่านั้นแต่ยังข่วยส่งเสริมให้ต้นผักหวานป่าโตเร็วกว่าปกติอีกด้วย 

สรุปแล้วสำหรับพื้นที่โล่งก่อนที่จะนำพันธุ์ผักหวานป่าไปปลูกจำเป็นต้อง ปลูกไม้พี่เลี้ยงรอ และเช่นเดียวกับการปลูกต้นไม้ชนิดอื่น จำเป็นต้อง บำรุ่งดินให้สมบูรณ์ และที่ขาดไม่ได้ก็คือการวางระบบน้ำ ไม่ว่าจะเป็นสปริงเกอร์หรือระบบน้ำหยด 

2 พื้นบนที่ปลูกที่มีต้นไม้ชนิดอื่นขึ้นอยู่แล้ว

เนื่องจากต้นผักหวานป่าต้องปลูกภายใต้ร่มเงาของตันไม้พี่เลี้ยง และต้นไม้พี่เลี้ยงที่ดีก็ต้องพรางแสงได้ในปริมาณที่เหมาะสม แปลงปลูกของบางท่านนั้นมีต้นไม้ชนิดอื่นอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น สวนลำใย สวนมะม่วง สวนทุเรียน หรือ แม้แต่สวนกล้วย ก็ปลูกผักหวานป่าแซมลงไปได้  แต่การวางแผนการปลูก และการเตรียมการจะแตกต่างจากพื้นที่โล่ง เนื่องจากขนาดใบของต้นไม้แต่ละชนิดที่ยกตัวอย่าง มีใบขนาดใหญ่ จึงทำให้แสงจะลอดผ่านได้ในปริมาณที่น้อยกว่า 70% มีผลทำให้การปลูกผักหวานป่านั้น จะได้ผลดีเฉพาะตำแหน่งระหว่างทรงพุ่มเท่านั้น เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่แสงลอดผ่านได้  ตำแหน่งใต้ทรงพุ่มแสงลอดผ่านได้น้อย ปลูกแล้วไม่ตายก็จริงแต่จะโตช้า บางต้นอายุเกิน 5 ปี แล้วสูงแค่ศอก เก็บยอดไม่ได้ก็ไม่คุ้มค่ากับการดูแลให้น้ำให้ปุ๋ย  ต้นผักหวานป่าในป่าเลือกต้นไม้พี่เลี้ยงให้ตัวเองไม่ได้ กว่าจะโตและเก็บยอดได้ก็อาจจะใช้เวลานานเกิน 10 ปี แต่การปลูกในแปลงปลูกของเราเอง ท่านนักปลูกสามารถเลือกความเหมาะสมและสิ่งที่ดีที่สุดให้ต้นผักหวานป่าของท่านได้ โดยการเตรียมพื้นที่ปลูกให้เหมาะสมและเลือกต้นไม้พี่เลี้ยงที่ดีเกื้อกูลให้โตเร็ว ถ้าปลูกถูกวิธีและดูแลถูกต้อง โดยเฉลี่ยและจะใช้เวลาปลูกเพียง 3 ปีก็จะสามารถให้ยอดเก็บแกง เก็บขายได้ บางแปลงดินอุดมสมบูรณ์มีระบบน้ำที่ดี 2 ปีก็เริ่มให้ยอดแล้ว แปลงปลูกที่เดิมทีเป็นสวนผลไม้มีการวางระบบน้ำอยู่แล้ว ก็เพียงแค่เอาพันธุ์ผักหวานป่าไปลงปลูก ดูแลให้ถูกวิธี ปลูกให้ถูกตำแหน่ง ก็สามารถเพิ่มมูลค่าให้สวนของตัวเองได้ สวนผลไม้บางปีอากาศไม่ดีไม่ติดดอกออกลูกก็มี ทำให้ในปีนั้นๆขาดรายได้  แต่ถ้ามีต้นผักหวานป่าแซมลงไปด้วย ต้นผักหวานป่าเก็บยอดขาย ไม่ได้เก็บเก็บลูก เก็บผลขาย ไม่มีทางทรยศเจ้านายผู้ให้น้ำให้ปุ๋ยอย่างแน่นอน 

สำหรับสวนผลไม้ที่มีขนาดใบที่ใหญ่ จะสามารถปลูกผักหวานแซมลงไปได้ ในตำแหน่งระหว่างทรงพุ่มเท่านั้น เพราะจะได้รับปริมาณแสง ในบางช่วงของวัน ตำแหน่งระหว่างทรงพุ่มได้รับแสงแดด 100% ก็จริงแต่ไม่ได้โดนแสงแดดตลอดทั้งวันจึงมีผลทำให้ต้นผักหวานป่ารอดตายและโตเร็วได้เช่นกัน 

เริ่มต้นปลูกด้วยการเตรียมพื้นที่ปลูกที่ดี จะทำให้ดูแลง่าย โตเร็ว ปัญหาตามมาน้อย

ท่านนักปลูกที่มีความสนใจปลูกผักหวานป่าต้องการข้อมูลการปลูกผักหวานป่าเชิงลึก ที่ถูกต้อง ไม่ต้องหลงทางเสียเวลาสามารถติดตามอ่านบทความ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้นะครับ

 

6facebook fanpage https://web.facebook.com/parkwanpa/

https://web.facebook.com/kladeeee/

Line
ID @kladee.com 

https://line.me/R/ti/p/%40kladee.com

โทร 0816558262 

ต้น กล้าดี

“ผมเริ่มทำเกษตรโดยเริ่มจากการปลูกผักหวานป่า เริ่มจากความเชื่อของตัวเอง และความไม่เชื่อของคนอื่น เพียงแค่ความเชื่อ ไม่ได้ช่วยให้สำเร็จอะไรได้เลย หากปราศจากวิธีการที่ถูกต้อง “

การปลูกผักหวานป่า

จุดเริ่มต้นของการปลูกผักหวานป่า

จุดเริ่มต้นของการปลูกผักหวานป่า  ของแต่ละคนนั้น  ไม่เหมือนกัน   Admin เองก็เช่นเดียวกัน  ได้เริ่มปลูกผักหวานป่ามาจากความเชื่อ  ของตัวเอง และความไม่เชื่อของคนอื่น พอจะรู้ดีว่า ความเชื่ออย่างเดียวนั้นไม่พอ ที่จะทำให้การปลูกผักหวานป่านั้นประสบตวามสำเร็จได้ ความรู้และวิธีการที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะทำให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดที่ท่านนักปลูกต้องการได้ 

ทำไมผักหวานป่าจึงเป็นไม้ยอดนิยม  ที่ผู้คนให้ความสนใจปลูก ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่น ประเทศลาว กระแสของการปลูกผักหวานป่านั้นสูงมาก ปลูกสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ก็ว่ากันไปตามกรณี แต่ก็ไม่ได้ทำให้กระแสนนั้นลดลงไปได้เลย 

เนื่องจากยอดอ่อน ของผักหวานป่านอกฤดูนั้น ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ของผู้บริโภคภายในประเทศ และต่างประเทศ  ไม่นับรวมยอดผักหวานป่าในฤดูกาล ช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี  ช่วงนี้ผลิตมีปริมาณมาก ล้นตลาด เพราะชาวบ้านผู้หาของป่า จะเก็บยอดจากในป่ามาส่งขาย ให้พ่อค้าคนกลาง กระจายส่งยอดอ่อนผักหวานป่า ทั่วประเทศ ทำให้ช่วงนี้ยอดผักหวานราคาถูก แต่สำหรับผักหวานป่านอกฤดูนั้น ราคาสูงลิบลิ่ว “ช่วงนี้บ้านไหนแกงผักหวานป่า ” จะไม่มีการเรียกใครๆให้มาทานข้าวด้วยกันเป็นแน่ เพราะผักหวานป่าอร่อยและราคาแพง แต่ถ้าวันไหนแกงผักกาด ค่อยเรียกเพื่อนบ้านหรือคนอื่น มานั่งล้อมวงกินแกงผักกาดด้วยก็แล้วกัน…

สำหรับการปลูกผักหวานป่า ในเกษตรแปลงใหญ่นั้น ยังไม่มีวิธีการที่แน่นอน ผู้คนส่วนใหญ่ยังหลงทางปลูกในวิธีที่ผิด ไม่มีการวางแผนการปลูกที่ดี ทำให้เสียงบประมาณส่วนเกินโดยไม่จำเป็น และที่สำคัญมากที่สุดคือ  “เสียเวลา”  การวางแผนการปลูกที่ดีนั้นจะทำให้ไม่เสียเวลา และประหยัดงบประมาณอีกด้วย วิธีการที่ถูกต้องนำมาซึ่งการเจริญเติบโตที่ต่อเนื่อง และผลลิตที่มีคุณภาพ 

การลูกผักหวานป่านับแต่นี้ต่อไป  ไม่ต้องหลงทางเสียเวลาเหมือนการปลูกผักหวานยุคเก่าแล้ว  ปัจจุบันเกษตรกรรุ่นใหม่ได้ปลูกบนพื้นฐานของการทำเกษตร ที่วัดผลได้ มีทฤษฏีรองรับ ไม่ได้ปลูกตามความเชื่อโดยไร้ทฤษฏีทางการเกษตรสนับสนุน ผักหวานป่าก็เหมือนต้นไม้ทั่วไป มีความต้องการพื้นฐานเหมือนต้นไม้ทั้่วๆไป  ต้องการน้ำ อาหาร ปุ๋ย ในระดับที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ดังนั้น เทคนิคการปลูกผักหวานป่า ก็ไม่ใช่เทคนิคที่แปลกพิศดารอะไรเลย เป็นทฤษฏีพื้นฐานทางการเกษตร ที่ทุกคนละเลยไม่ให้ความสนใจตั้งแต่ต้น  กลับไปปลูกตามความเชื่อและวิธีที่ผิดๆ ของคนอื่น ไม่สังเกตุไม่เปลียนแปลงและปรับปรุงวิธีการปลูกของตัวเองให้ดีขึ้นตามเหตุอันควร

สำหรับการปลูกผักหวานป่านั้น ไม่ได้ง่ายเท่ากับการ ปลูกไผ่ แต่ก็ไม่ได้ยากเท่ากับการปลูก ทุเรียน แต่ถ้าปลูกแล้วได้รอดแล้ว สวนผักหวานป่าจะกลายเป็นมรดกตกทอดไปยังลูกหลาน เพราะต้นผักหวานป่าเป็นทั้งผักและเป็นไม้ยืนต้น ที่อายุยืนเป็นร้อยปี ปลูกวันนี้ลูกหลานจะมีมรดกทางอาหารที่ยั่งยืน 

วิธีการปลูกผักหวานป่า

การปลูกผักหวานป่าจะมีวิธีการดังต่อไปนี้ 

1 ปลูกด้วยเมล็ด

2 ปลูกด้วยต้นกล้า

3 ปลูกด้วยกิ่งตอน

ซึ่งการปลูกด้วยเมล็ดจะได้รับความนิยมมากที่สุด ประหยัดงบมากที่สุด และได้ผลดีในระยะยาวมากที่สุด 

สำหรับผู้ที่สนใจปลูกผักหวานป่าที่พึ่งเริ่มปลูกแล้วไม่ประสบความล้มเหลวในปีแรกๆมักจะมีสาเหตุดังต่อไปนี้ 

1พื้นที่ปลูกไม่มีความพร้อม

เนื่องจากผักหวานป่าไม่ชอบแสงแดดที่มีปริมาณมาก จึงจำเป็นต้องปรับพื้นที่ให้มีความเหมาะสมกับการปลูกผักหวานป่า ในขณะที่ผู้สนใจปลูกเป็นจำนวนมากได้ทำการสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ โดยที่ไม่มีการเตรียมความพร้อมในส่วนของพื้นที่ปลูก ส่งผลให้การปลูกผักหวานป่าไม่ประสบผลสำเร็จ 

ดังนั้นควรเตรียมพื้นที่ปลูกผักหวานป่าเอาไว้แต่เนิ่นๆ พอได้รับเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่าแล้วก็สามารถนำไปปลูกได้ทันที่ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมพื้นที่ เพราะว่าในขณะที่เตรียมพื้นที่เมล็ดพันธุ์ก็จะมีอัตราการงอกที่ลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่าจะคายน้ำและทยอยฝ่อตายลงไปเรื่อยๆ ปกติแล้วหลังจากเก็บเมล็ดพันธุ์มาจากต้นแม่พันธุ์ จะต้องเพาะปลูกภายใน 7 วัน หลังจากนั้นเปอร์เซ็นต์การงอกก็จะลดลง 

2ไม่มีความรู้เรื่องผักหวานป่า 

เมื่อไม่มีความรู้เชิงลึกเรื่องผักหวานป่าแล้ว ก็จะส่งผลต่อการวางแผนการปลูกที่ผิดพลาดปัญหาต่างๆก็จะตามมามากมาย การลงทุนปลูกระดับ 1-10 ไร่ ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนไม่น้อย ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง รอบคอบ ศึกษาข้อมูลเชิงลึกของผักหวานป่าให้ละเอียดก่อนลงมือปลูก ถ้าไม่มีเวลาก็จำเป็นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประสิทธิภาพในการปลูกผักหวานป่า เนื่องจากผักหวานป่า เป็นทั้งผักและไม้ยืนต้นขนาดกลางที่โต้ช้ากว่า ต้นไม้ขนาดใหญ่ในป่า เช่นต้น สัก ประดู มะค่า ตามธรรมชาติแล้วก็จะอาศัยร่มเงาไม้ใหญ่เหล่านี้โดยปริยาย การที่จะนำต้นผักหวานป่ามาปลูกในรูปแบบ สวน นั้นก็ต้องนำข้อมูลลักษณะทางพันธุกรรม มาเป็นนองค์ประกอบในการวางแผนการปลูกด้วย 

3ไม่มีความรู้พื้นฐานเรื่องการเกษตร 

มีความเข้าใจผิดกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับลักษณะของดินที่ต้นผักหวานป่าชอบ ซึ่งดินที่ผักหวานป่าชอบนั้นเป้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์  ไม่ใช่ดินภูเขา ไม่ใช่ดินปนหิน ตามที่เช้าผิดกันอยู่แต่อย่างได 

 แต่ละวิธีมีขั้นตอนและเทคนิคที่แตกต่างกัน และในแต่ละพื้นที่ปลูกของจังหวัดที่แตกต่างกัน ก็จะมีวิธีการที่ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับพื้นที่ปลูกของตัวเอง 

ต้นผักหวานป่านั้นก็ไม่ต่างจากต้นไม้ชนิดอื่นๆโดยทั่วไป ต้องการดินที่มีคุณภาพ มีความโปร่ง ร่วน ซุย มีปริมาณ น้ำและแร่ฐาตุที่เพียงพอ ที่จะส่งผลให้เจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี

ต้นไม้จะเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีคุณภาพที่ดีเหมาะแก่การเจริญเติบโต

ต้นไม้จะเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีคุณภาพที่ดี

 ซึ่งดินที่มีคุณภาพที่ดีนั้นก็จะประกอบไปด้วย 

ของแข็ง 50% ปรกอบด้วย อนินทรีย์วัตถุ 45% อินทรีย์วัตถุ 5% 

และช่องว่าง 50% ประกอบด้วย น้ำ 25% อากาศ 25%

องค์ประกอบของดินที่มีคุณภาพ ได้ถูกค้นพบมาตั้งนานแล้ว และก็ได้ถูกเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ มานมนานแล้ว แล้วแต่ผู้คนกลับไม่ให้ความสนใจเรื่องพื้นฐานใกล้ตัว แต่ไปให้ความสำคัญในเรื่องไกลตัวจนหลงทางเสียเวลา และก็ทำให้การปลูกต้นไม้ชนิดต่างๆล้มเหลว ไม่เว้นแม้แต่ต้นผักหวานป่าก็ตาม 

สรุปแล้วถ้าอยากประสบผลสำเร็จในการปลูกผักหวานป่าควรเริ่มศึกษาทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับ ดิน และ พื้นที่ปลูกก่อน เมื่อเข้าใจถ่องแท้เกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานตรงนี้แล้ว ค่อยไปศึกษาเรื่องอื่นๆเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง วิธีการปลูก พันธุ์  การให้ปุ๋ย การดูแล และเรื่องอื่นๆ เพราะถ้าดินคุณภาพไม่ดี ปลูกไปก็โตช้า มีปัญหาตามมามากมาย 

จากประสบการณ์ปลูกผักหวานป่าของ Admin 11  ปีที่ผ่านมา ได้รู้ได้เห็นพัฒนาการของต้นผักหวานป่านับ หมื่นนับแสนต้น ตั้งแต่ต้นแม่พันธุ์ผักหวานป่าแทงช่อดอก จากดอกผักหวานกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ นำเมล็ดพันธุ์ไปเพาะเป็นต้นกล้า นำต้นกล้าไปปลูกดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยกลายเป็นต้นผักหวานป่าที่โตเต็มวัย ให้ยอดได้เก็บแกงเก็บขาย และตอนกิ่งขยายพันธุ์ได้ สามารถสรุปได้ว่า การปลูกผักหวานป่าจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่กระบวนความคิด การวางแผนการปลูกที่เป็นขั้นเป็นตอน วิธีการปลูกนั้นไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนมากมายอะไรจนเกินไป ปลูกได้ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ก็สำเร็จตั้งแต่ต้นไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว แต่ถ้าปลูกด้วยวิธีการที่ผิด ยุ่งยากซับซ้อนก็จะล้มเหลวตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วสุดท้ายก็ลงเอยด้วยความล้มเหลวอยู่ดี วิธีการที่ถูกต้องก็เปรียบเสมือเข็มทิศนำทางนำไปสู่จุดหมายปลายทางตามที่หวังเอาไว้  

การปลูกผักหวานป่าบนแปลงใหญ่ ต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนไม่น้อย ดังนั้นจำเป็นต้องเตรียมพื้นที่ให้พร้อม และวางแผนการปลูกให้รัดกุมที่สุด…

ท่านนักปลูกที่มีความสนใจปลูกผักหวานป่า ต้องการข้อมูลการปลูกผักหวานป่าเชิงลึก ที่ถูกต้อง ไม่ต้องหลงทางเสียเวลาสามารถติดตามอ่านบทความ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้นะครับ

facebook fanpage https://web.facebook.com/parkwanpa/

https://web.facebook.com/kladeeee/

Line
ID @kladee.com 

https://line.me/R/ti/p/%40kladee.com

โทร 0816558262 

ผมยินดีถ่ายทอดวิธีการปลูกผักหวานป่า ที่ง่ายที่สุด ประหยัดและมีประสิทธิภาพ ให้กับท่านนักปลูกที่สนใจที่จะปลูกผักหวานป่า เพื่อเป็นมรดกทางอาหารให้กับคนรุ่นหลังติดต่อได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

นาย กล้าดี

“ผมเริ่มทำเกษตรโดยเริ่มจากการปลูกผักหวานป่า เริ่มจากความเชื่อของตัวเอง และความไม่เชื่อของคนอื่น เพียงแค่ความเชื่อ ไม่ได้ช่วยให้สำเร็จอะไรได้เลย หากปราศจากวิธีการที่ถูกต้อง “

 

ผักหวานป่า การแพร่กระจายพันธุ์

     ผักหวานป่าถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งผักพื้นบ้าน  ทรงคุณค่าทั้งรสชาติและคุณสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ผักหวานป่าแพร่และขยายพันธุ์ในป่าเขตร้อนทั่วไปโดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซียและพม่าสำหรับผักหวานป่าในประเทศไทยนั้น การแพร่พันธุ์ของผักหวานป่า ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจะแพร่พันธุ์ด้วยเมล็ด พื้นที่ของดงผักหวานป่าขนาดใหญ่ที่สุดจะอยู่ในเขตป่าภาคเหนือ จะเชื่อมต่อกันผ่านแนวสันเขาที่ทอดยาวในเขตป่าภาคเหนือเกือบทุกจังหวัด

เมล็ดผักหวานป่า0002

เมล็ดสุกของต้นผักหวานป่า

     เริ่มจากดงผักหวานป่าบนยอดดอยของจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อมกับดงผักหวานป่าของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตาก เชื่อมไปยังดงผักหวานป่าของจังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปาง จากนั้นก็เชื่อมไปยังดงผักหวานป่าของจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดอุตรดิตถ์ผ่านไปยังจังหวัดน่านและจังวัดพะเยา ต้นผักหวานป่าในจังหวัดแพร่และเชียงรายมีประปรายไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนจังหวัดอื่นๆตามที่กล่าวมาข้างต้น

        

แหล่งเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่าอันดับรองลงมาคือ

ภาคกลาง  สระบุรี กาญจนบุรี

ภาคอีสาน นครราชสีมา นครพนม อุดรธานี สกลนคร

 ภาคใต้ กระบี่ สุราษฎร์ธานี 

ในอดีตการแพร่กระจายพันธุ์ผักหวานป่าอาศัยสัตว์พาหนะในการช่วยแพร่กระจายพันธุ์เพียงเท่านั้นแต่ในปัจจุบันมนุษย์สามารถขยายพันธุ์ผักหวานป่าในการนำมาปลูกในบ้านและในสวนได้แล้วและมีวิวัฒนาการและทักษะในการเพาะปลูกที่ดีขึ้นเรื่อยๆสำหรับการเพาะปลูกขยายพันธุ์ผักหวานป่าในแต่ละปี

การขยายพันธุ์ผักหวานป่ามีดังต่อไปนี้

1การปลูกด้วยเมล็ด

2การปลูกด้วยต้นกล้า

3การปลูกด้วยกิ่งตอน

4การขยายพันธุ์โดยการชำราก(ชำไหล)

       การปลูกผักหวานป่าในปัจจุบันไม่ได้ยากเหมือนดังเดิมอีกต่อไปแล้วในอดีตมีการทดลองปลูกด้วยวิธีการต่างๆมากมายส่วนใหญ่จะล้มเหลวตายเป็นส่วนมากแต่ในปัจจุบัน วิวัฒทนาการในการปลูกผักหวานป่านั้นก้าวหน้ามากแล้วจึงทำให้การปลูกผักหวานป่าไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป   

      จากประสบการณ์ภาคสนามของผู้เขียนนานนับสิบปี ในภารกิจตามหาแหล่งเมล็ดพันธุ์ของผักหวานป่าในภาคเหนือ ถึงขั้นรถเสียนอนต้องนอนค้างในป่าก็เคยมีมาแล้ว  จึงมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับแหล่งเมล็ดพันธุ์ของผักหวานป่าในภาคเหนือเป็นอย่างดี การขยายพันธุ์ของต้นผักหวานป่าในป่านั้นจะอาศัยสัตว์พาหนะกินเมล็ดผักหวานป่าเป็นอาหาร ผ่านระบบย่อยอาหาร ​ กระเพาะ ลำไส้ เมื่อสัตว์เหล่านี้ถ่ายมูลที่มีเมล็ดผักหวานป่าปนอยู่เมื่อถ่ายออกมาแล้วก็จะทำให้เกิดการขยายพันธุ์ผักหวานป่า โดยสัตว์พาหนะผู้ช่วยเหล่านี้เช่น ลิง กวาง เนื้อทราย อีเห็น เนื่องจากเมล็ดผักหวานป่ามีความกว้างประมาณ 0.5  นิ้ว ยาวประมาณ 1 นิ้ว  สัตว์และนกขนาดเล็กไม่สามารถกลืนเมล็ดลงท้องได้จึงไม่สามารถเป็นสัตว์พาหนะในการขยายพันธุ์ของต้นผักหวานป่าได้ (ลิง กวาง เนื้อทรายในป่าภาคเหนือปัจจุบันสาบสูญหรือไม่ก็ใกล้สาบสูญแล้วเนื่องจากถูกนนุษย์ล่าไปเป็นอาหาร) ปัจจุบัน อีเห็นจะเป็นสัตว์พาหนะหลักๆที่แพร่ขยายพันธุ์ผักหวานป่า พรานป่าถ้าเจอกองมูลของอีเห็นที่กินเมล็ดผักหวานป่า ก็จะถือว่าโชคดีเพราะไม่ต้องแกะและร่อนเปลือเมล็ดผักหวานด้วยตัวเอง

     ปัจจุบันนั้นมีผู้สนใจปลูกผักหวานป่าเป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นที่ทนต่อโรคพืชโรคเแมลง ปลูกครั้งเดียวเก็บขายได้ตลอดชีวิตเนื่องจากผักหวานป่าเป็นไม้ป่าที่อายุยืนนับร้อยปี ประกอบกับรสชาติที่อร่อยและสรรพคุณที่มากมาย การที่ถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งผักพื้นบ้านทั้งปวงจึงเป็นฉายาที่สมเหตุสมผลไม่เกินจริง มีการขยายพื้นที่ปลูกอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่ปลูกทางภาคอีสาน ผู้คนให้ความนิยมบริโภคแต่ผลลิตของยอดผักหวานป่า ไม่พอต่อความต้องการโดยเฉพาะผักหวานป่านอกฤดูกาล ซึ่งมีราคาแพงมากแพงกว่าผักทั่วๆไปหลายเท่าตัว